วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

 

GCP (Google Cloud Platform) มีเครื่องมือ AI ที่ทรงพลังหลายตัวที่สามารถช่วยให้คุณสแกนและตรวจสอบใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารทางการเงินอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ:

Document AI:

  • Document AI Workbench: เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างโซลูชันการประมวลผลเอกสารที่กำหนดเองได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถใช้ Document AI Workbench เพื่อสกัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงิน เช่น ชื่อผู้ขาย วันที่ จำนวนเงิน และรายละเอียดสินค้า
  • Procure-to-Pay AI: โซลูชันเฉพาะสำหรับการประมวลผลใบแจ้งหนี้ ช่วยให้คุณดำเนินการตามขั้นตอนตั้งแต่การรับใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการชำระเงินได้โดยอัตโนมัติ

Cloud Vision API:

  • Optical Character Recognition (OCR): Cloud Vision API สามารถสกัดข้อความจากเอกสารที่สแกนหรือรูปภาพได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการแปลงใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงินเป็นข้อมูลดิจิทัล
  • Document Text Detection: คุณลักษณะนี้ช่วยระบุและแยกบล็อกข้อความต่างๆ ภายในเอกสาร ทำให้การสกัดข้อมูลเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Natural Language API:

  • Entity Analysis: Natural Language API สามารถระบุและแยกเอนทิตีต่างๆ จากข้อความ เช่น ชื่อบริษัท ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงิน
  • Sentiment Analysis: คุณลักษณะนี้สามารถช่วยระบุความรู้สึกหรือทัศนคติในข้อความ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเสนอแนะของลูกค้าหรือการสื่อสารอื่นๆ

ขั้นตอนการใช้งาน:

  1. เตรียมเอกสาร: รวบรวมใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารทางการเงินอื่นๆ ที่คุณต้องการสแกนและตรวจสอบ
  2. สแกนหรืออัปโหลดเอกสาร: สแกนเอกสารเป็นไฟล์ภาพ หรืออัปโหลดไฟล์ภาพที่มีอยู่ไปยัง Google Cloud Storage
  3. ใช้ Document AI หรือ Cloud Vision API: เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ Document AI เหมาะสำหรับการประมวลผลเอกสารที่ซับซ้อน ในขณะที่ Cloud Vision API เหมาะสำหรับการสกัดข้อความและวิเคราะห์รูปภาพ
  4. สกัดและตรวจสอบข้อมูล: ใช้เครื่องมือ AI เพื่อสกัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเอกสาร และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
  5. รวมเข้ากับระบบของคุณ: รวมโซลูชัน AI เข้ากับระบบบัญชีหรือ ERP ที่มีอยู่ของคุณ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นอัตโนมัติ

ข้อดีของการใช้ GCP AI:

  • ประหยัดเวลาและทรัพยากร: ลดความจำเป็นในการป้อนข้อมูลด้วยตนเองและลดข้อผิดพลาดของมนุษย์
  • ปรับปรุงความแม่นยำ: เครื่องมือ AI สามารถสกัดและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างแม่นยำกว่ามนุษย์
  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ช่วยให้คุณประมวลผลเอกสารจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
  • ปรับขนาดได้: โซลูชัน AI สามารถปรับขนาดเพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้

 Credit :https://www.linkedin.com/pulse/revolutionizing-accounting-ai-collaboration-game-changer-buktec-ushhf/

The accounting profession is experiencing a remarkable transformation in today's tech-driven world. The days of manual data entry, paper ledgers, and isolated spreadsheets are fading into history. At the core of this revolution are two game-changers: Artificial Intelligence (AI) and collaboration. Together, they are ushering in a new era of efficiency, accuracy, and innovation in accounting.

AI: The Accounting Game Changer

Artificial Intelligence (AI) has redefined accounting. It handles time-consuming tasks, and offers data analysis, predictive insights, efficiency, and scalability, all while maintaining exceptional accuracy. With AI, the era of tedious data entry and error-prone calculations is behind us.

Automation: AI has brought automation to the forefront, eliminating repetitive, time-consuming tasks like data entry, transaction categorization, and invoice processing. This not only reduces the risk of human error but also frees up accountants to focus on more strategic and value-added activities.

Data Analysis: AI-driven data analysis tools swiftly identify financial trends, outliers, and potential risks. They can scan extensive datasets to spot irregularities or discrepancies, enabling timely corrective actions. For example, AI can identify unusual spending patterns or discrepancies in expense reports, helping prevent fraud and ensuring financial integrity.

Efficiency and Accuracy: AI processes data at a pace no human can match, resulting in increased efficiency and accuracy. This leads to faster financial reporting, reduced operational costs, and more reliable financial statements.

Collaboration: The Accounting Enabler

While AI is transforming accounting, its full potential is unleashed when combined with collaboration. Collaboration tools are changing the way accountants work together, enhancing communication and streamlining workflows.

Real-Time Collaboration: Cloud-based accounting software and collaborative platforms allow accountants to work on the same data in real time. Multiple team members can access, edit, and review financial records simultaneously, reducing the need for lengthy email chains or physical document handovers.

Cross-Functional Collaboration: Accountants now collaborate with colleagues from other departments, such as sales, procurement, and human resources. This cross-functional teamwork enhances the quality of financial data, aligning it with broader business goals.

Enhanced Communication: Collaboration tools like instant messaging and video conferencing make it easier for accountants to communicate with clients, colleagues, and superiors, leading to quicker response times and problem resolution.

The Synergy Between AI and Collaboration

The real magic of the accounting revolution lies in the synergy between AI and collaboration. Together, they create a game-changing force that streamlines accounting processes, enhances decision-making, and fosters data consistency.

Efficiency and Accuracy: AI automates tasks, while collaborative tools ensure data is readily available to all team members, resulting in a more efficient and accurate accounting process.

Streamlined Review and Approval: Collaboration tools enable seamless review and approval workflows, accelerating decision-making and ensuring all stakeholders are on the same page.

Data Consistency: Collaborative accounting platforms maintain data consistency and integrity, preventing data discrepancies and manual reconciliation.

Business Insights: AI and collaboration offer accountants unprecedented insights into a company's financial health, fostering informed decision-making.

The Future of Accounting: AI and Collaboration-Driven Insights

As AI and collaboration continue to reshape accounting, they promise exciting possibilities, including advanced AI capabilities, regulatory compliance support, enhanced decision-making tools, personalized client services, and global collaboration.

Conclusion

AI and collaboration are revolutionizing accounting, offering real-time insights, enhanced fraud prevention, streamlined audits, and enterprise-wide collaboration. Embrace these technologies to lead the way in the digital era of accounting.

 

มาเริ่มทำความเข้าใจว่า AI  มีอะไรให้ใช้และเราจะนำมาปรับใช้กับงานของเรา อะไรได้บ้าง!

Google Cloud Platform (GCP) มีบริการที่เกี่ยวข้องกับ AI มากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างโมเดล AI ไปจนถึงการนำไปใช้งานจริง ตัวอย่างบริการที่น่าสนใจ ได้แก่:

Vertex AI: แพลตฟอร์มแบบครบวงจรสำหรับการสร้าง ฝึกฝน ปรับแต่ง และปรับใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิง (ML) และ AI มีเครื่องมือและบริการมากมายที่ช่วยให้กระบวนการพัฒนา AI เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

Generative AI Studio: สตูดิโอสำหรับสร้างเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ผู้ใช้สร้างข้อความ รูปภาพ และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

Model Garden: คลังเก็บโมเดล AI ที่สร้างไว้ล่วงหน้า ซึ่งครอบคลุมงานต่างๆ เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ และการแปลภาษา ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโมเดลเหล่านี้ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตนได้

Cloud Natural Language API: API ที่ใช้ NLP เพื่อวิเคราะห์ข้อความและดึงข้อมูลเชิงลึก เช่น ความรู้สึก บุคคล สถานที่ และเหตุการณ์

Cloud Vision AI: API ที่ใช้การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์รูปภาพและวิดีโอ สามารถระบุวัตถุ ฉลาก ใบหน้า และสถานที่สำคัญได้

Cloud Translation API: API ที่ใช้การแปลด้วยเครื่องเพื่อแปลข้อความระหว่างภาษาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

Dialogflow CX: แพลตฟอร์มสำหรับสร้างแชทบอทและ voice bot ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ผู้ใช้สร้างประสบการณ์การสนทนาที่เป็นธรรมชาติและมีส่วนร่วม

Document AI: แพลตฟอร์มสำหรับประมวลผลเอกสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ผู้ใช้แยกข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างจากเอกสารได้โดยอัตโนมัติ

Recommendations AI: API ที่ใช้ AI เพื่อสร้างคำแนะนำส่วนบุคคลสำหรับผลิตภัณฑ์ เนื้อหา หรือบริการต่างๆ

Contact Center AI: โซลูชัน AI สำหรับศูนย์ติดต่อ ช่วยให้ตัวแทนสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


แนะนำการใช้ AI กับธุรกิจสำนักงานบัญชี!

การนำ AI มาใช้ในธุรกิจสำนักงานบัญชีสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ต่อไปนี้คือแนวทางการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจสำนักงานบัญชี:

1. ระบบอัตโนมัติสำหรับงานที่ทำซ้ำๆ:

  • การบันทึกข้อมูล: ใช้ AI ในการอ่านและสกัดข้อมูลจากเอกสารต่างๆ เช่น ใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ และใบกำกับภาษี ช่วยลดเวลาและความผิดพลาดในการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง
  • นักบัญชีใช้ AI เพื่อตรวจสอบเอกสาร:นักบัญชีที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสแกนและตรวจสอบใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารทางการเงินอื่นๆ อย่างรวดเร็ว
  • การกระทบยอดบัญชี: AI สามารถตรวจสอบและกระทบยอดธุรกรรมทางการเงินโดยอัตโนมัติ ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการทำบัญชี
  • การจัดทำรายงาน: ใช้ AI สร้างรายงานทางการเงินต่างๆ เช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล และงบกระแสเงินสด ช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดในการจัดทำรายงานด้วยตนเอง

2. การวิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์:

  • การตรวจสอบความผิดปกติ: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเพื่อตรวจจับความผิดปกติหรือรูปแบบที่อาจบ่งบอกถึงการทุจริตหรือข้อผิดพลาด
  • การคาดการณ์แนวโน้ม: ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มทางการเงินในอนาคต ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การวิเคราะห์ความเสี่ยง: AI สามารถประเมินความเสี่ยงทางการเงินของธุรกิจและให้คำแนะนำในการจัดการความเสี่ยง

3. การให้บริการลูกค้า:

  • แชทบอท: ใช้ AI สร้างแชทบอทที่สามารถตอบคำถามทั่วไปของลูกค้าเกี่ยวกับการทำบัญชีและภาษี ช่วยลดภาระงานของพนักงานและให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • การให้คำปรึกษาส่วนบุคคล: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าและให้คำแนะนำส่วนบุคคลเกี่ยวกับการวางแผนภาษี การลงทุน หรือการจัดการทางการเงิน

4. การบริหารจัดการภายใน:

  • การจัดการเอกสาร: ใช้ AI จัดการเอกสารทางบัญชี เช่น การจัดเก็บ การค้นหา และการแชร์เอกสาร ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการเอกสารและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • การจัดการงาน: ใช้ AI วางแผนและจัดสรรงานให้กับพนักงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความล่าช้า

เครื่องมือและบริการจาก GCP:

GCP มีเครื่องมือและบริการ AI ที่หลากหลายที่สามารถนำมาใช้ในธุรกิจสำนักงานบัญชีได้ เช่น:

  • Document AI: สกัดข้อมูลจากเอกสารทางบัญชีโดยอัตโนมัติ
  • Natural Language API: วิเคราะห์ข้อความในเอกสารทางบัญชีเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก
  • Vertex AI: สร้างและปรับใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงสำหรับงานต่างๆ เช่น การคาดการณ์และการตรวจจับความผิดปกติ

ข้อควรพิจารณา:

  • ความปลอดภัยของข้อมูล: การนำ AI มาใช้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลทางการเงินของลูกค้าเป็นสำคัญ
  • การฝึกอบรมพนักงาน: พนักงานต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม: เลือกเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของธุรกิจ

การนำ AI มาใช้ในธุรกิจสำนักงานบัญชีเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้

 Credit :https://www.linkedin.com/pulse/revolutionizing-accounting-ai-collaboration-game-changer-buktec-ushhf/

แนวคิดเพิ่มเติม:

  • AI สร้างรายงานทางการเงินอัตโนมัติ: ภาพของ AI ที่สร้างรายงานทางการเงิน เช่น งบกำไรขาดทุน และงบดุล โดยอัตโนมัติ
  • การใช้ AI ในการจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย: ภาพของ AI ที่จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • AI ที่ใช้ในการคาดการณ์กระแสเงินสด: ภาพของ AI ที่วิเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพื่อคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคต
  • การใช้ AI ในการปฏิบัติตามข้อกำหนด: ภาพของ AI ที่ช่วยให้นักบัญชีปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีและกฎระเบียบอื่นๆ

คำแนะนำ:

  • เน้นประโยชน์ของ AI: เลือกภาพที่แสดงให้เห็นว่า AI สามารถช่วยให้นักบัญชีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม่นยำขึ้น และมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น
  • ใช้ภาพที่ดูเป็นมืออาชีพ: ภาพควรมีคุณภาพสูงและดูเป็นมืออาชีพเพื่อสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของธุรกิจสำนักงานบัญชี
  • ใช้ภาพที่เข้าใจง่าย: ภาพควรสื่อสารข้อความได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย แม้กระทั่งสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับ AI

หวังว่าแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างภาพที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการนำเสนอการใช้ AI ในธุรกิจสำนักงานบัญชี!

 

Gen AI..... AI in your hand.
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจและนวัตกรรมต่างๆ Google Cloud Platform (GCP) Gen AI เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่น่าจับตามองที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความสามารถที่หลากหลายและเครื่องมือที่ทรงพลัง ทำให้ GCP Gen AI เป็นประตูสู่โลกแห่ง AI ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน

GCP Gen AI คืออะไร?

GCP Gen AI คือชุดเครื่องมือและบริการ AI ที่พัฒนาโดย Google Cloud โดยมีจุดเด่นที่ความสามารถในการสร้างโมเดล AI ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโมเดลภาษา โมเดลรูปภาพ หรือโมเดลอื่นๆ GCP Gen AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์และนำ AI ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้อง GCP Gen AI?

  • ความสามารถที่หลากหลาย: GCP Gen AI มีเครื่องมือหลากหลายที่ครอบคลุมงาน AI ตั้งแต่การสร้างโมเดล การฝึกฝน การปรับแต่ง ไปจนถึงการนำไปใช้งานจริง
  • ความยืดหยุ่น: ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโมเดล AI ให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของตนเองได้
  • ประสิทธิภาพ: GCP Gen AI สร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การประมวลผลและการฝึกฝนโมเดล AI เป็นไปอย่างรวดเร็ว
  • ความคุ้มค่า: GCP Gen AI มีราคาที่เหมาะสมและมีตัวเลือกการใช้งานที่หลากหลายให้เลือก

เริ่มต้นกับ GCP Gen AI

  1. สร้างบัญชี Google Cloud: หากยังไม่มีบัญชี Google Cloud ให้สร้างบัญชีใหม่เพื่อเข้าถึงบริการ GCP Gen AI
  2. สำรวจเครื่องมือและบริการ: ทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือและบริการต่างๆ ที่ GCP Gen AI มีให้ เช่น Vertex AI, Generative AI Studio, Model Garden และอื่นๆ
  3. เริ่มต้นสร้างโมเดล: เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน AI ที่ต้องการสร้าง และเริ่มต้นสร้างโมเดลแรกของคุณ
  4. ฝึกฝนและปรับแต่ง: ฝึกฝนโมเดลของคุณด้วยข้อมูลที่เหมาะสม และปรับแต่งโมเดลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  5. นำไปใช้งาน: นำโมเดลที่สร้างเสร็จแล้วไปใช้งานจริงในแอปพลิเคชันหรือบริการต่างๆ

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ GCP Gen AI

  • การสร้างแชทบอท: สร้างแชทบอทที่สามารถตอบคำถามและโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • การสร้างเนื้อหา: สร้างบทความ โพสต์โซเชียลมีเดีย หรือเนื้อหาอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
  • การวิเคราะห์ข้อมูล: วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มต่างๆ
  • การสร้างภาพ: สร้างภาพที่สมจริงหรือภาพศิลปะจากข้อความ

สรุป

GCP Gen AI เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังและเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงโลกแห่ง AI ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักพัฒนาที่มีประสบการณ์หรือนักธุรกิจที่ต้องการนำ AI มาใช้ในการทำงาน GCP Gen AI มีเครื่องมือและบริการที่พร้อมสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่ เริ่มต้นสำรวจ GCP Gen AI วันนี้และค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของ AI ในการเปลี่ยนแปลงโลก

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GCP Gen AI โปรดติดต่อผู้เชี่ยวชาญของ CLA Core IT Team. แล้วเราจะมาเริ่มวางแผนการใช้ Gen AI กับงานของเรา.

วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2567

 


e-tax Invoice และ e-Receipt คืออะไร ?
 

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-tax invoice คือ ใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้และใบลดหนี้ ส่วน ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-receipt) คือ ใบรับหรือใบเสร็จรับเงิน ซึ่งต่างจากรูปแบบกระดาษปกติ ตรงที่ได้มีการจัดทำเอกสารเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์  XML File, PDF File) และลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ก่อนส่งมอบให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ และกรมสรรพากร


อยากทำระบบ e-tax เริ่มต้นอย่างไร ?


เพื่อตอบรับนโยบาย Thailand 4.0 กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบบริการ e-tax invoice / e-receipt ขึ้น และมีนโยบายส่งเสริมเรื่องนี้ต่อเนื่องมาหลายปี  หากผู้ประกอบการอยากเริ่มต้นทำระบบในปีนี้ สามารถศึกษาขั้นตอนตามด้านล่าง หรือ ติดต่อ CLA Accounting and Taxation Services เพื่อรับคำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก

1)    ประเมินความพร้อมในองค์กร
ผู้ใช้งานต้องปรับปรุงหรือพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ เตรียมความพร้อมด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้องค์กรให้สามารถรองรับการจัดทำ ส่งมอบ และจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ 
2)    จัดหาใบรับรองอีเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความเชื่อมั่นในการรับและส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน ผู้ประกอบการจึงต้องจัดหาใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้สร้างลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ที่ออกจากผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Certification Authority: CA) ที่มีความน่าเชื่อถือ 
3)    ยื่นคำขอ 
ยื่นคำขอเป็นผู้ประกอบการจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ โดยการลงทะเบียนและตรวจสอบลายมือชื่อดิจิทัล โดยเข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://etax.rd.go.th ดาวน์โหลดโปรแกรม Ultimate Sign & Viewer มาติดตั้ง และ ลงทะเบียน บ.อ.01 ผ่านโปรแกรม
4)    จัดทำและนำส่ง
จัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ส่งมอบแก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการการเป็นไปตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน แต่สำหรับการนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรนั้นเป็นไปตามมาตรฐาน ขมธอ.3-2560 สามารถนำส่งข้อมูลได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ Upload , Host to Host และผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Service Provider) สามารถเลือกช่องทางนำส่งข้อมูลที่เหมาะสมกับสภาพของกิจการได้เลย
5)    เก็บรักษา
ผู้จัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ต้องจัดเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกต้องปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด

-----

What is e-Tax Invoice & e-Receipt in Thailand

As a part of Thailand 4.0 and National e-Payment policies in order to transform Thailand into a “Digital Economy”, e-Tax Invoice & e-Receipt was introduced by Revenue Department (RD) in 2017. The e-Tax Invoice system intended to replace the paper-based tax invoices to help reduce cost of doing business and maintenance caused by paperwork for more business friendly. There are two types of e-Tax Invoice system i.e.

(1) e-Tax Invoice and e-Receipt

(2) e-Tax Invoice by email for small enterprises that revenue not higher than 30 Million Thai Baht.

Remark: This blog only focuses on (1) e-Tax Invoice and e-Receipt. For (2) e-Tax Invoice by email, please visit e-Tax Invoice by email website.

An e-Tax lnvoice is an invoice, credit note, or debit note provided in electronic format with a digital signature or time stamp under the e-Tax System by email. Similar to the e-Tax lnvoice, an e-Receipt is a receipt document provided according to the Thai Revenue Code in an electronic format.

e-Tax Invoice & e-Receipt is a Voluntary, Taxpayers opting to use the e-Tax Invoice & e-Receipt shall send invoices with a Digital Signature to the recipients. After distributing the invoice to the buyer, the supplier must report the invoice to the Revenue Department (Thailand’s Tax Authority) in an XML format (RSET.3-2560) by the 15th day of the following tax month.

Standards for electronic transactions provided by Electronic Transactions Development Agency (ETDA) that relevant to e-Tax Invoice & e-Receipt.

3-2560 (ขมธอ.3-2560) – Trade Services Message Standard

14-2560 (ขมธอ.14-2560) – Using XML Messages for Inter-Organizational Data Exchange

Digital Signature in the form of Electronic Certificate which must be kept in USB token or Hardware Security Module (HSM), can be obtained from Certification Authority (CA), CA must be trusted by Thailand National Root Certification Authority (Thailand NRCA) and Electronic Transaction Development Agency (ETDA) under Ministry of Digital and get standard certified “Trust Server Principles and Criteria Authority (Web Trust for Cas). Currently there are two providers:-

  1. Thai Digital ID Co. Ltd.
  2. Internet Thailand Co.,Ltd.

At FY2019, in order to promote e-Tax, Revenue Department issued tax benefit to allow the entrepreneurs to use double amount of expense on implementing e-Tax Invoice system to deduct Income tax of FY2019 and extended to FY2025.

Please contact us : CLA Accounting and Taxation Services